ขนมอี๊ เป็นขนมมงคลของชาวไทยเชื้อสายจืน ที่นิยมทำขึ้นในงานแต่งงาน ขนมชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมแป้งมัน นวดกับน้ำต้มสุก จนเหนียวเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ผสมสีแดงลงไป จะได้แป้งสีสวย
จากนั้นนำมาแบ่งปั้นเป็นลูกเล็ก ๆ ยิ่งเล็กยิ่งสวย ขณะปั้นต้องหมั่นโรยแป้งมันไว้ เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน แล้วนำขนมอี๊ที่ปั้นได้ ไปลวกในน้ำต้มเดือด จนขนมอี๊พองตัวลอยขึ้นมา จึงตักพักใส่ในน้ำเย็น เพื่อหยุดการพองตัว
เวลารับประทานใส่ในน้ำเชื่อม (น้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดง เคี้ยวกับใบเตยหอม ) ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องใส่ไข่ เพิ่มเติม
ผู้เขียนเคยสอบถามผู้รู้ว่า ทำไมต้องกินขนมอี๊ในงานมงคล ก็ได้คำตอบว่ามันเป็น “กุศโลบาย ” ของคนในสมัยโบราณ ทีว่าไว้ดังนี้
1.ลูกหลานไทย เชื้อสายจีน นิยมจัดพิธีแต่งงาน ในช่วงระหว่างเดือน พ.ย. – ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น เมื่อรับประทานแป้ง จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และอิ่มนานขึ้น
2.คู่บ่าว – สาว ต้องรับประทานขนมอี๊ เสมือนเป็นคำอวยพร ให้รักกันเหนียวแน่น กลมเกลียว อายุยืนยาว
3.สีของขนมอี๊ จะเป็นสีแดง หรือ ชมพูเข้ม ที่สื่อถึงความโชคดี
4.การปั้นขนมอี๊ สื่อถึงความกลมเกลียวของคนในวงศ์ตระกูล ความสมัครสมานสามัคคีในหมู่พีน้อง
5.ปลูกฝังเด็กๆ รุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นเหลน ให้สืบทอดประเพณีที่ดีงามนี้ไว้ เพราะการปั้นเป็นเรื่องเล็กเล็กที่เด็กๆ ชื่นชอบ สามารถทำได้ อย่างสนุกสนาน จึงเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมาถึงทุกวันนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.snc.lib.su.ac.th/snclibblog/?p=17257
|